เอเซ่เปิดซิง – อาร์เซน่อลเริ่มไวแต่จบยาก

เพียงนาทีที่ 8 อาร์เซน่อลก็ขึ้นนำอย่างรวดเร็ว เมื่อ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ เปิดบอลเข้ากลางให้ เอเซ่ ยิงผ่านมือผู้รักษาประตู โจ เกาชี่ เข้าไปอย่างเฉียบคม โดยมี ไมลส์ ลูอิส-สเคลลี่ ช่วยดึงแนวรับด้วยลูกหลอกปล่อยบอลอย่างชาญฉลาด

“ผมรอประตูแรกนี้มานาน มันมีความหมายมาก” เอเซ่ กล่าวหลังจบเกม

แม้ได้ประตูขึ้นนำเร็ว แต่อาร์เซน่อลกลับหาจังหวะปิดเกมไม่ได้ง่ายนัก แม้จะครองบอลกว่า 80% แต่ยังไม่สามารถเจาะแนวรับที่วิ่งสู้ฟัดของพอร์ท เวล ได้มากนัก จนเกมยังคงค้างอยู่ที่ 1-0 ถึงช่วงท้าย

พอร์ท เวล สู้ไม่ถอย – แพ้แต่ภาคภูมิ

ช่วงครึ่งหลัง พอร์ท เวล กลับมาเล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้น เดินหน้าใส่บอลเข้าเขตโทษอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อาร์เซน่อลเริ่มเสียการควบคุมจังหวะเกม อาร์เตต้ายอมรับหลังเกมว่า:

“ครึ่งหลังเราคุมเกมไม่อยู่เลยโดยเฉพาะจังหวะบอลยาว ทุ่มไกล และการเสียพื้นที่ เราขาดการควบคุม”

หนึ่งในโอกาสสำคัญของเจ้าบ้านคือจังหวะยิงของ เดแวนเต้ โคล ที่กดเต็มข้อหวังเสียบใต้คาน แต่บอลเฉียดคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

ทรอสซาร์ดปิดกล่อง – จบเกมอย่างใจหาย

ก่อนหมดเวลาไม่นาน อาร์เซน่อลฉวยโอกาสจากจังหวะบอลยาวของ วิลเลี่ยม ซาลิบา ที่วางยาวให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ด ตัวสำรองเก็บบอลหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนซัดเสียบมุมอย่างเฉียบคม กลายเป็นประตูตอกฝาโลงในนาทีที่ 85

ถึงแม้พอร์ท เวลจะไม่สามารถทำประตูได้เลยตลอดทั้งเกม แต่พวกเขาเล่นได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะการกดดันแนวรับของอาร์เซน่อลจนเกือบได้ประตูตีเสมอหลายครั้ง

เสียงจากสองฝั่ง

มิเกล อาร์เตต้า กล่าวว่า:

“เกมบอลถ้วยในอังกฤษไม่เคยง่าย โดยเฉพาะเมื่อคุณเจอกับทีมที่วิ่งสู้ไม่มีถอย วันนี้เราคุมเกมได้ดีในครึ่งแรก แต่หลังจากนั้นก็ต้องยอมรับว่าเราถูกกดดันหนัก”

ด้าน ดาร์เรน มัวร์ ผู้จัดการทีมพอร์ท เวล กล่าวว่า:

“ผมภูมิใจกับลูกทีมมาก พวกเขาเล่นด้วยหัวใจ พลังของแฟนบอลคืนนี้คือแรงกระตุ้นที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเรายังเล่นได้แบบนี้ต่อไปในลีก เราจะไปได้ไกลแน่นอน”